: NOOMSAOTOURS        02-625-1555

นั่งสามล้อถีบ เที่ยววัดใต้ฯ

วันนี้เราจะพาไป นั่งสามล้อถีบ เอกลักษณ์อีกอย่างของเมืองใหญ่ในอีสานใต้ อุบลราชธานี พร้อมนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ที่วัดใต้ฯ ในเมืองอุบลฯกัน

เสน่ห์ของการท่องเที่ยวภายใน อ.เมืองอุบลราชธานี อีกอย่างหนึ่ง คือ การท่องเที่ยวโดย นั่งสามล้อถีบชมเมือง ซึ่งมีให้บริการมากว่า 50 ปีแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งสามล้อ พร้อมกับไหว้พระภายในเมืองอุบล หรือจะนั่งไปกินอาหารเช้าที่ตลาด หรือ ร้านอาหารภายในเขตเมืองอุบลราชธานี ก็ได้ครับ 

แต่เนื่องจากในปัจจุบันนี้ การคมนาคมในจังหวัดก็เปลี่ยนแปลงไปมาก มีทั้ง รถสองแถว มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ที่ให้ความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางมากกว่า การนั่งสามล้อถีบ  ทำให้ปริมาณสามล้อถีบภายใน เมืองอุบล ลดน้อยเหลือประมาณ  20-30 คันเท่านั้นครับ ซึ่งจากการหาข้อมูลส่วนใหญ่ผู้ที่ทำอาชีพนี้ จะเป็น เกษตรกรที่ว่างจากการทำนา ทำไร่ ก็จะเข้าเมืองมาทำเป็นอาชีพเสริม บ้างก็ยึดเป็นอาชีพหลัก แต่ในปัจจุบันลูกค้าให้ความสนใจน้อยลงไปมาก ปริมาณผู้ขับขี่จึงลดน้อยตามลงไปด้วย

ข้อดีของรถสามล้อถีบ นอกจากจะเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองอุบล ยังเป็นการเดินทางที่ไม่มีมลพิษทางอากาศ เพราะใช้แรงงานคนล้วนๆ และเป็นอาชีพเสริมของผู้มีรายได้น้อยอีกด้วย ซึ่งถ้าเราอยากให้ สามล้อถีบคงอยู่มีให้ลูกหลานดู ก็ต้องช่วยกันสนับสนุน นะครับ ซึ่งถ้าหากท่านใดสนใจ การท่องเที่ยวแบบนั่งรถสามล้อชมเมืองอุบล ก็สามารถติดต่อได้ลุงวีระ หัวหน้าชมรมสามล้อ จ.อุบลราชธานี ครับ เบอร์โทรศัพท์ของลุงวีระ 085-302-5797 ( ชมรมสามล้อถีบในเมืองอุบลราชธานี ) ลุงวีระบอกว่าสามารถโทรติดต่อให้ไปรับตามโรงแรมได้ครับ มีรถสามล้อหลายคันในชมรมที่คอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวอยู่ครับผม

   

และวันนี้เราได้มานั่งสามล้อถีบเที่ยวเมืองอุบลกัน จุดหมายที่เราจะไปในวันนี้คือ วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ โดยเริ่มออกเดินทางจากวัดหลวง ระยะทางไม่ไกลมาก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที หลังจากไหว้พระที่วัดหลวงเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเดินทางด้วยรถสามล้อถีบ รถมาจอดรถกันเป็นแถวบริเวณทางเข้าของวัดหลวง วันนี้เราเดินทางกันกว่า 30 ท่าน เรียกได้ว่า เหมารถสามล้อ ที่มีในเมืองอุบลกันมาเลย ผู้ชับขี่ส่วนใหญ่ จะดูมีอายุ แต่ไม่ต้องห่วงครับ แรงดี ไม่มีตกครับ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลย

   

แม้ว่าอากาศจะค่อนข้างร้อน อบอ้าว แต่พอรถเคลื่อนตัว ก็สัมผัสได้กับลม ที่พัดเข้ามาปะทะกับร่างกาย ทำให้คลายร้อนไปได้มาก ส่วนคุณลุงผู้ขับขี่ก็แรงดี ไม่มีตกจริงๆ แม้ว่าอากาศจะร้อนสักแค่ไหน ลุงบอกไม่หวั่น จ้า เรานั่งรถสามล้อถีบ ผ่านตัวเมืองอุบลฯ ผ่านร้างรวงต่างๆ มากมาย รวมถึงวัดต่างๆ บนถนนพรหมเทพ เข้าสู่ ถนนพรหมราช เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที เนื่องจากเราเดินทางจำนวนมาก เลยใช้เวลามากหน่อย และแล้ว เราก็มาถึง วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ กันแล้วละครับ คุณลุงยังดูไม่เหนื่อยเลยจริงๆ ดูจากภาพได้ ใครไปเมืองอุบล ลองไปนั่งสามล้อถีบดูนะครับ เย็นๆก็ได้ จะได้ไม่ร้อน นั่งชิลๆ ดูวิวเพลินๆ
 
   

 

 

สำหรับวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ หรือวัดใต้เทิง จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนพรหมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานีอยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งที่เคยเป็นวัดฝ่ายวิปัสสนาธุระของพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระพุทธรูปสำคัญที่ประชาชนให้ความเลื่อมในเคารพศรัทธา หนึ่งในห้าพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อที่ประดิษฐานอยู่ในประเทศไทย นอกจากนั้นภายในวัดยังมีโบราณวัตถุเป็นหลักศิลาจารึกหินทราย 2 หลัก วิหารเฉลิมพระเกียรติ 200 ปี และเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ

   

วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ หรือวัดใต้เทิง สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ มีประวัติเล่าว่าในสมัยพระเจ้าพระพรหมราชวงศา (ทิดพรหม) พระมหาราชครู (เจ้าหอแก้ว) ได้มานั่งปฏิบัติธรรมฐานอยู่บริเวณเหนือแม่น้ำมูลเป็นประจำ เจ้าครองเมืองพร้อมด้วยไพร่บ้านพลเมืองได้มาสร้างสำนักสงฆ์ให้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระมหาราชครูเจ้าหอแก้ว เรียกว่า วัดใต้ท่า บริเวณตอนบนเรียกวัดใต้เทิง เขตวัดทั้งสองติดกันเพียงแค่มีถนนกั้น ในสมัยเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นผู้ครองสังฆมณฑล ได้นำวัดใต้ท่าไปรวมกับวัดใต้เทิง ชาวบ้านทั้งสองคุ้มวัดได้แสดงถึงความสามัคคีกันจึงได้มีมติ ตกลงกันเรียกว่า “วัดใต้” ปัจจุบันคำว่า “เทิง” ได้ เลือนหายไป คำว่า เทิง เป็นภาษาอีสานมีความหมายว่า บน หรือ เหนือ อยู่สูง อยู่บนขึ้นไป วัดใต้เทิง คือ วัดที่อยู่เหนือขึ้นไป ถัดไปจากวัดใต้ท่าที่ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำมูล ต่อมาเพื่อให้สื่อความหมายถึงพระประธานในอุโบสถพระนามว่าพระเจ้าองค์ตื้อจึงได้นำพระนามของพระพุทธรูปมาต่อกับชื่อวัด กลายเป็นวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ
    

ภายในวัดใต้แห่งนี้ได้ประดิษฐสถาน พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นพระประธานในอุโบสถเป็นทองนาคสำริด หนักเก้าแสนบาท  พุทธลักษณะเป็นปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 51 นิ้ว สูง 85 นิ้ว (มีผู้สันนิษฐานว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งเวียงจันทน์เป็นผู้สร้าง) พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ มีความสำคัญเป็น 1 ใน 5 องค์ในจำนวนพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอีก 4 องค์ประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ชัยภูมิ หนองคาย และวัดพระโต อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี และที่ประเทศลาวอีก 1 องค์

พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เดิมประดิษฐานอยู่บนแท่นพระอุโบสถหลังเก่า ฐานรองรับสูง 70 เซนติเมตร สร้างแบบง่าย ๆ ภายหลังอุโบสถหลังเก่าทรุดโทรม พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อจึงอยู่กลางแจ้ง ตากแดด ตากฝน เป็นเวลานานทำให้องค์พระพุทธรูปองค์ตื้อมีรอยแตกเป็นสะเก็ดออกมา คนเก่าแก่ในสมัยนั้นได้บอกเล่าสืบต่อกันมาว่า “… พระพุทธรูปองค์ตื้อนี้ได้ถูกหุ้มห่อทาปอมพอกเอาไว้ พอกด้วยเปลือกไม้ ยางบด ผสมผงอิฐเจ และทองคำ เงิน นาก สัมฤทธิ์ เงิน รางกาชาดซะพอก ให้น้ำเกลี้ยง น้ำชาดผสมทาปอมพอก แล้วลงรักปิดทองที่เข้าเมืองอุบลราชธานี และเถราจารย์ในสมัยนั้น เพราะเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ ซึ่งองค์พระพุทธรูปเป็นทองแท้สัมฤทธิ์กลัวว่าจะถูกข้าศึกศัตรูขนเอาไป จึงได้ทาปอมพอกปิดเอาไว้ และปล่อยทิ้งเป็นวัดร้างนานถึง 200 ปี…”

ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2507-2508 พระภิกษุสวัสดิ์ ทัสสนีโย และพระราชธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อในขณะนั้น ได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น ก่อสร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2519 เมื่อสร้างฐานแท่นพระพุทธรูปพระประธานเสร็จจึงได้ยกพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อขึ้นประดิษฐานที่แท่นจนถึงปัจจุบันนี้

หมายเหตุ ความหมายคำว่า “ตื้อ” เป็นจำนวนนับของชาวล้านนา หรือภาคอีสาน เช่น หลักหน่วย-สิบ-ร้อย-พัน-หมื่น-แสน-ล้าน-โกฏิ-ตื้อ-อสงไขย นับไปไม่ได้ชาวพุทธได้นำทองคำ เงิน นาก สัมฤทธิ์ จำนวนมากหล่อเป็นพระพุทธรูปที่งดงาม จนหาค่าประมาณมิได้ องค์พระหนักเก้าแสนบาทบนจึงได้ชื่อว่า “พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ” หรือ (พระเจ้าแสนตื้อ)

   

นอกจากนั้นภายในวัดยังมีโบราณวัตถุเป็นหลักศิลาจารึกหินทราย 2 หลัก บริเวณสองข้างของอุโบสถ, วิหารเฉลิมพระเกียรติ 200 ปี และเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ อีกด้วย


นับเป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสำคัญ และ มีผู้นับถือมากแห่งหนึ่งของจ.อุบลราชธานี  และอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ นั่งสามล้อถีบชมเมือง อันนี้ก็ควรลอง ... TRIPWALKERS

DIRECTORY

FOLLOW US

บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด N.S. Travel & Tours Co.,Ltd

133/19-20 ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400

โทรศัพท์ : 0 2625 1555

โทรสาร   : 0 2246 5658

อีเมล์ : info@noomsaotours.co.th

เว็บไซต์ : www.noomsaotours.co.th

(เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของบริษัทหนุ่มสาวทัวร์) ติดต่อเรา

© 2024 N.S. Travel Co., Ltd. (Noom Sao Tours) All Rights Reserved.